Translate

วันเสาร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ความสุข และเครื่องจับความสุข


(ภูฎาน ประเทศที่ใช้ GDH มาเป็นปรัชญาในการพัฒนาประเทศ)


...เราไม่สามารถแก้ปัญหา ด้วยจิตใจระดับเดียวกันกับจิตใจที่นำเราเข้าสู่ปัญหาได้...
เข็มทิศชีวิต 2 ของ คุณฐิตินาถ ณ พัทลุง เขียนว่า ไอน์สไตน์ กล่าวข้อความนี้ไว้

อาจจะไม่เกี่ยวกับบทความนี้สักเท่าไร จริงๆ บทความนี้เกิดขึ้นเพราะได้ฟังเรื่อง GDH หรือ ตัวชี้วัดความสุขมวลรวมประชาชาติ ตัวชี้วัดที่มาแรงแซงทางโค้ง GDP

ถ้า GDP เป็นฝ่ายอธรรม GDH ก็เป็นฝ่ายธรรมะอย่างไม่ต้องสงสัย มีการเชิญชวนให้เชื่อเช่นนั้น

GDH ใช้นามธรรมอย่าง "ความสุข" มาวัดแทนรูปธรรมอย่าง "เงินตรา" ของ GDP 
มีการระบุ กลั่นกรองนามธรรม ออกมาเป็นรูปธรรม ทำเป็นตัวชี้วัด แล้วประยุกต์มันออกมาเป็นแบบสอบถาม...

ผมไม่ได้เปิดประเด็น เพื่อวิพากษ์วิจารณ์ GDH (ไม่กล้า) แค่หยิบมาเป็นหัวเรื่องเพื่อโยงมาถึงสิ่งที่ตัวเองเชื่อเท่านั้นเอง เพราะผมเชื่อว่า คนที่นอนอยู่บนที่นอนนุ่มๆ บนคอนโดสุดหรูใจกลางเมือง ไม่ได้มีความสุข หรือมีความทุกข์ มากหรือน้อยไปกว่าคนที่นอนอยู่บนกองฟางคันๆ ข้างขี้ควายเหม็นๆ กลางทุ่งนาเลย

...มาดูนิยามของความสุข ของคนที่มีทุกข์คนนี้กัน




...ความสุข เหมือนอากาศ มองไม่เห็นแต่เรารู้ว่ามีอยู่จริง
...ความสุข และความทุกข์ ไม่ใช่เหรียญแต่ละด้านของกันและกัน
...ความสุข ต้องการเครื่องยึดจับ ต้องมีสิ่งอ้างอิง ความสุขไม่เกิดขึ้นโดยตัวของมันเอง เราอาศัยสิ่งต่างๆ หรือแม้แต่มโนคติ เพื่อยึดจับความสุข ดังนั้นเมื่อสิ่งยึดจับความสุขหายไป ความสุขย่อมหายไป

อุปมาเหมือน ผมอยากได้โทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ เมื่อได้แล้วก็มีความสุข
ผ่านไปสักพักความสุขก็จึดจางลง เพราะโทรศัพท์ที่เคยใหม่ มันไม่ "ใหม่" อีกต่อไปแล้ว

ฉันใดก็ฉันนั้น
ดัชนีชี้วัดความสุขที่เป็นตัวเลขทั้งหลาย ชะตากรรมก็ไม่ต่างกัน

...ท่านมีเวลาอยู่กับครอบครัว...ติ๊กถูกที่ช่องมากที่สุด
...ท่านทำกิจกรรมกับครอบครัว...ติ๊กถูกที่ช่องมากที่สุด
ดัชนีความสุขเต็มร้อย และทำให้เกิด ภาพถ่ายรูปครอบครัวกอดกันกลม ยิ้มแฉ่ง โพสขึ้น Facebook เพื่อตอบสนองความต้องการลำดับที่ 3 ต่อสังคมตาม Maslow Theory ว่าด้วย Belonging Needs

...แต่ยังมีดอกจันเล็กๆ ของเครื่องจับความสุขอยู่ มันเขียนว่า
* โปรดระวังผลข้างเคียง เช่น ความทุกข์ เมื่อสิ่งที่จับยึดเปลี่ยนแปลงไป!!

การเอาความสุขไปจับกับสิ่งใดๆ ที่แปรผัน เปลี่ยนแปลง ศาสนาส่วนใหญ่จึงสอนให้หลีกเลี่ยง ด้วยการเอาความสุขไปจับกับสิ่งที่ให้เชื่อว่า ยืนยงคงอยู่ถาวรกว่าชีวิตของเราเสีย เช่น พระผู้เป็นเจ้า สิ่งศักดิ์สิทธิ์โลกใหม่ หรือกระทั่งไม่ให้มีสิ่งยึดอีกต่อไปเลยอย่าง พระนิพพาน เพราะเมื่อเราจับกับสิ่งที่ยั่งยืนกว่าชีวิตของตัวเองแล้ว เราจะไม่ทันได้รับรู้ถึงอาการของผลข้างเคียง เมื่อสิ่งเหล่านั้นเปลี่ยนแปลงไป

เพราะฉะนั้น ถ้ายังอยากมีความสุขในโลกตามแบบ "คฤหัสถ์" อยู่ล่ะก็

...โปรดอ่านคำเตือนในฉลากเครื่องจับสุข ก่อนยึดจับสิ่งสร้างความสุขของคุณทุกครั้ง!!










วันศุกร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2557

มนุษย์...ผู้เกิดมาเพื่อขีด checklist ของพระเจ้าไปทีละข้อ จนกว่าจะตาย...


เขียนหัวเรื่องเหมือนจะใหญ่โต แต่จริงๆ เป็นเรื่องของมุมมองเล็กๆ ที่ผมได้พบเจอ หลังจากผ่านการทำบททดสอบของโรคซึมเศร้า และมีคะแนนความน่าจะเป็นโรคนี้สูงระดับวิกฤตทีเดียว

ช่วงเวลานี้ของครอบครัวและเครือญาติเป็นช่วงเวลาของความหดหู่ เพราะการจากไปกะทันหันของน้าชาย ญาติๆ มารวมตัวกันเพื่อจัดงานศพ ส่วนของบ้านผมมีน้าสาวมาพักอยู่ด้วย เพื่อไปงานพร้อมกับแม่



บ้านผมเป็นหมู่บ้านค่อนข้างใหญ่ ห่างจากถนนทางเข้าเยอะทีเดียว การจะออกไปถ้าไม่อยากลำบากเท่าไรก็จะรบกวน รปภ. หน้าหมู่บ้านให้เรียก taxi  ให้

การไปงานศพของน้าสาวและแม่ก็เช่นกัน หลังเตรียมตัวเสร็จสรรพ แม่ก็ให้ผมยกหูเรียก taxi กับ รปภ. กดเบอร์ได้ไม่นาน น้าสาวก็สำทับขึ้นมาว่า

"ขอ taxi ที่ดูใหม่ๆ คนขับดูไว้ใจได้หน่อยนะ"

...ถือเป็นการตั้ง requirement ที่ค่อนข้างเกินเลยจริงๆ ให้ตายเถอะ ...เพราะมันเป็นเรื่องยาก ที่จะไปบอกให้ รปภ. ขวนขวายหา taxi ที่ถูกต้อง ตรงตาม spec แบบนั้น ไม่แน่ถ้าต้องการแบบนั้นอาจจะต้องคอยกันเป็นชั่วโมงเลยทีเดียว

"ไม่ได้หรอกครับ ของอย่างนี้มันขึ้นอยู่กับดวงอ่ะ น้า คันไหนมา เขาก็ต้องเรียกเข้ามานั่นแหละ" ผมบอกออกไปแบบนั้น และคิดแบบนั้นจริงๆ แต่ประเด็นคือ ผมคิดแบบนั้นในทุกๆ วัน ทุกๆ ครั้งที่เรียก taxi ไม่เห็นทางไหนเลยที่จะออกนอกกรอบของดวงชะตาไปได้ เพราะว่าเรากำหนดไม่ได้ไงล่ะ...

น้าสาวก็พยักหน้าหงึกหงัก ไม่ว่ากระไร

...วันต่อมา น้าสาวกับแม่ต้องไปงานศพอีก ซึ่งผมก็รู้หน้าที่ของตัวเองดี พอใกล้เวลา ผมก็จัดแจงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจะโทรเรียก taxi แต่เผอิญหูได้ยินเสียงน้าสาว โทรคุยกับปลายสาย

"ค่ะ อันนี้พี่ที่นัดน้อง taxi ไว้นะคะ วันนี้มารับตามที่นัดได้ใช่มั้ย ...ห๊า! จะถึงแล้วเหรอ..." เสร็จแล้วน้าแกก็รีบวิ่งไปอาบน้ำแต่งตัว

ผมรู้ตัวแล้วว่าไม่ต้องเรียก taxi แล้ว ก็เลยสอบถามจากแม่ ได้ความว่า เมื่อวานพวกแม่เจอ taxi ที่ ...รถใหม่ ขับดี และคนขับดูน่าไว้ใจ... ก็เลยนัดหมายกันไว้ ว่าจนถึงวันสุดท้ายที่ต้องไปงานศพ ให้ taxi คันนี้มารับ มาส่งที่บ้านตามเวลาเลย

...

...เขียนมายืดยาว จริงๆ ก็เป็นการ refresh ความฝืดของการเขียนนิยายตัวเองไปด้วยในตัว แต่ประเด็นของเรื่องนี้ อยู่ที่หัวข้อที่ผมตั้ง มันไม่เกี่ยวกับว่า ผมมองโลกในแง่ร้ายขนาดไหน หลังจากที่แม่และน้าสาว ขึ้นรถ taxi ไป ผมก็นึกย้อนไปถึงคำพูดของผมที่ว่า ...เลือกไม่ได้หรอก มันแล้วแต่ดวง...

...น้ำตาผมจะไหล ผมคิดผิดไป

ผมนึกวาบถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ก็เลยเปิดคอม เขียนบทความนี้ บทความเพื่อตอบคำถามว่า ...มนุษย์เกิดมาทำไม?

อุปมาโดยนัย ผมมโนเอาเองว่า จักรวาลนี้ได้ตระเตรียม "รายการข้อจำกัด" อันยาวเหยียดของสิ่งมีชีวิตไว้ มีทั้งรูปแบบข้อจำกัดแบบหมู่มาก หมู่น้อย และข้อจำกัดแบบเฉพาะตัว เฉพาะอย่าง โดยทั่วไปสัตว์น้อยใหญ่ถูกข้อจำกัดนี้ครอบงำและกำกับชีวิตอยู่ ความท้าทายของการใช้ชีวิตก็คือการทำลายซึ่งข้อจำกัดอันนั้น ...ตั้งแต่เกิด จน...ตาย



...คุณเกิดมาพร้อมกับสมอง เพื่อเปลี่ยนคำว่า "ทำไม่ได้" ให้เป็น "ทำได้" โดยคิดค้นกระบวนการ "ทำยังไงถึงจะได้" ขึ้นมา

แม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างการได้รถ taxi ที่ถูกใจตัวเอง จักรวาลก็ไม่ละเว้นที่จะสร้างข้อจำกัดขึ้นมาให้เกิดขึ้นในรูปแบบเฉพาะตัว checklist การเรียก taxi ของผมยังไม่ถูกขีดฆ่า...

...แต่สำหรับ checklist ของน้าสาวผม เธอได้ขีดฆ่ารายการนั้นไปเรียบร้อยแล้วหนึ่งข้อในชีวิต

ทั้งหมดอยู่ที่ตัวคุณ ที่จะมอง checklist อันนี้ แล้วพยายามขีดฆ่ามัน หรือข้ามมันไป ปล่อยให้เป็นข้อจำกัดในชีวิตอยู่ต่อไป

...ก็เท่านั้นเอง... 


วันศุกร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ไม่มีสิ่งใดที่สามารถหยุดอยู่กับที่ได้...



ไม่มีสิ่งใดที่สามารถหยุดอยู่กับที่ได้... 


เข็มนาฬิกาทั่วไปมีสามเข็ม เข็มวินาที(เดินเร็ว) เข็มนาที(เดินปานกลาง) เข็มสั้น(เดินช้า) ช่วงชีวิตไหนจะเลือกเดินตามเข็มแบบไหน ขึ้นอยู่กับตัวเองจะพิจารณาถึงความเหมาะสม โอกาส จังหวะ สิ่งแวดล้อม ดวง กำลังกาย ปัญญา...

แต่สิ่งที่แน่นอนที่สุดคือ หยุดไม่ได้ จะอยู่เฉยๆ ไม่ได้ จะใช้วันเวลาให้ผ่านไปโดยไม่พัฒนาตัวเอง แม้เพียงสักเล็กน้อย ไม่ว่าจะด้านใด ไม่ได้เด็ดขาด จะหยุดเรียนรู้โลก และสิ่งที่พัฒนาเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา...ไม่ได้

เส้นกราฟการพัฒนาจะค่อยๆ ลาดไปบรรจบกับศูนย์ เมื่อกายกำลังจะแตกดับลง...
ฉันใดก็ฉันนั้น คนที่หยุดการพัฒนา ปฏิเสธการพัฒนา เปลี่ยนแปลง คือ คนที่ค่อยๆ ทำตัวเองให้ตายลงอย่างช้าๆ