Translate

วันพุธที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

เมื่อผมได้ดู Star Trek : INTO DARKNESS



วันนี้ไปดูหนังเรื่องนี้มา ก็อารมณ์ยังคุกรุ่นอยู่เลยอยากจะ review เสียนิดหน่อย ไม่ได้มีไรมาก และไม่เหมือนนักรีวิวมืออาชีพทำกัน ^_^

ผมเองก็แก่พอประมาณที่จะทันรุ่นแรกๆ ของ star trek อยู่บ้าง แต่ที่สนใจจริงๆ จังๆ ก็คือ ภาคแรกที่ออกมาช่วง 2-3 ปีก่อน (พอดีไม่ได้หาข้อมูล) ที่ทำได้ดี และมีอะไรที่นอกเหนือจากฉาก Action Sci-FI

ภาคนี้ ตามความเห็นก็ถือว่าเจ๋งสุดๆ ยิ่งกว่าภาคแรก คือสำหรับตัวผมเอง ชอบเรื่องนี้มากกว่า Iron Man 3 ที่เข้าช่วงเวลาเดียวกันอ่ะครับ ผมไม่รู้เป็นไรกะหนังฟอร์มยักษ์ภาคที่ 3 ที่ดูแล้ว Fail ทุกที (ไม่รู้ภาค 3 ของ star trek จะเป็นรึเปล่า แต่ภาค 2 ของทุกทีกลับทำให้ผมรู้สึกดีแบบเดียวกัน)

เนื้อหากระชับ ตัดต่อได้ฉับไว และทำได้ดีเป็นเนื้อหาต่อเนื่องกัน เข้าถึงเป้าหมายของแก่นเรื่องได้อย่างพอดีตรงเวลา เป็นอีกเรื่องที่ต้องยกย่องผู้กำกับเรื่องนี้ทีเดียว (เห็นว่ากำลังจะไปกำกับ star war ใหม่)

สรุปแล้วเป็นหนังที่เจ๋งอีกเรื่องหนึ่งทีเดียว ตัวร้ายก็มีเหตุผลที่ดีรองรับ ไม่หักมุมแบบไม่มีที่มาที่ไป ...ก็ไม่รู้จะรีวิวยังไงไม่ให้เป็นการสปอยไปได้ จะเจาะไปที่เฉพาะเนื้อหาที่ผมได้รับมาแล้วกันนะครับ ซึ่งก็จะมีประสบการณ์ส่วนตัวเลือกที่จะรับสาสน์นี้อยู่

ผมชอบประเด็นตอนที่ กัปตันเคิร์ก มอบหมายให้คู่ขา เอ้ย คู่หู คุณสป๊อกของเรา มาทำหน้าที่กัปตันแทน ส่วนตัวเขาจะไปทำอย่างอื่น ที่เป็นการตัดสินใจด้วยอารมณ์ ผมชอบคำพูด ที่ถ่ายทอดออกมา ประมาณว่า ตัวกัปตันนั้นทำทุกอย่างตามสัญชาติญาณ เจออะไรก็ไปเรื่อยๆ แบบว่าไหลไปตามสถานการณ์ ส่วนมิสเตอร์สป๊อกนั้นกำกับทุกอย่างด้วยเหตุผล รู้ว่ากำลังทำอะไร และจะเจออะไร

ตอนคุณกัปตัน และมิสเตอร์สป๊อกฟินกัน (แบบว่าเอามือมาแปะกันอย่างซาบซึ้งผ่านกระจกกั้น -_-" อย่างกับคู่ตุนาหงัน แจ็คกะโรส เลย) มันเป็นอะไรที่ผมเองก็จะร้องไห้เหมือนกันนะ ดึงอารมณ์ได้ดีเลย เรียกว่าหนังเรื่องนี้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ถูกต้องทีเดียว เพราะถ้าเป็นหญิงชาย ร้องไห้ใส่กัน ผมจะไม่อารมณ์แบบนี้เลย สำหรับคนที่เป็นผู้ชายที่ชอบเรื่องราว Sci-fi เรื่องแบบนี้อย่างที่รู้ว่า ผู้หญิงจะมีบทบาทน้อย เลยเล่นอารมณ์กับผู้ชายซะงั้น เจ๋งจริงๆ


ช่วงนี้ผมกำลังสับสนเกี่ยวกับการดำเนินชีวิต ซึ่งสาสน์ที่ได้รับ ผมก็เลือกที่จะรับแนวๆ นี้ หรือแปลงมันมาเป็นแนวนี้ เรื่องนี้ให้เรื่องความสมดุลระหว่าง อารมณ์กะเหตุผล ผมเองเป็นประเภททำตามอารมณ์เสียเป็นส่วนมาก จำพวกนายเคิร์ก มีอะไรก็แก้ไขไป บางเรื่องก็ทำให้เสียการณ์เสียงานไปเยอะเหมือนกัน ถ้าจะเอาเหตุผลมากำกับไว้บ้างก็น่าจะดี

เหมือนไม่ได้รีวิวอะไร ก็ระบายอารมณ์ที่คั่งค้างเท่านั้นเอง ^__^

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น